อยากลงทุนในคอนโด Mastery Resolution - บริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ครบวงจร

NEWS & ARTICLES

04 Oct 2019 1047 VIEWS

อยากลงทุนในคอนโด


POSTED BY Mastery Resolution

อยากมีคอนโดเป็นของตัวเอง เริ่มต้นยังไง???
    แน่นอนว่า หลายๆ คน ในที่นี้คงเคยมีความคิดที่ว่า “อยากมีคอนโด” เป็นของตัวเองสักหลัง แต่มีใครในที่นี้หลายคนอาจจะเข้าใจผิดนะครับว่า การที่จะมีคอนโดสักหลังนึง มันต้องใช้เงินเยอะมากแน่ๆเลย คำตอบที่แอดมินอยากจะบอกนะครับ คือ “คุณกำลังเข้าใจผิด” 
เอาละครับวันนี้แอดมิน มีเรื่องราวจากประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของคอนโด จะมาแนะนำให้กับทุกๆคนได้เข้าใจกันว่า ทำอย่างไรได้บ้างถึงจะเป้นเจ้าของคอนโดได้..... ถ้าพร้อมแล้ว ลุยกันได้เลยครับ
ก่อนอื่นทุกคนต้องเข้าใจก่อนว่า อาชีพ บนโลกนี้แบ่งหลักๆ ได้ 2 แบบ คือ
1.)งานประจำ 
2.)งานไม่ประจำ

งานประจำ
หมายความง่ายๆ ก็คือ พนักงานประจำ, พนักงานบริษัทเอกชน หรือ ข้าราชการ อาชีพเหล่านี้สังเกตง่ายๆเลยครับว่า ใครอยู่ประเภทที่ 1 ให้ทุกท่านลองสังเกตุตัวเองว่า ทุกๆเดือน ได้รับเงินเดือนพร้อมกับ Slip เงินเดือนหรือไม่ ถ้าครบ 2 อย่างนี้ แน่นอนครับ คุณอยู่ประเภทที่ 1

งานไม่ประจำ
อาชีพประเภทนี้ จะตรงข้ามกับ ประเภทแรกกันเลยทีเดียว คุณไม่รับเงินทุกๆเดือน แต่คุณอาจจะรับเป็นรายปี, รายวัน, รายชั่วโมง หรือบางคน ได้เป็นนาทีเลยก็ว่าได้ แต่คุณไม่มี Slip เงินเดือน เอาให้เข้าใจกันง่ายๆ คนในประเภทนี้ ส่วนใหญ่คือคนที่ ประกอบธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น ขายของ, นักเทรดหุ้น, หรือ อาชีพอิสระต่างๆ
ทั้ง 2 ประเภทสามารถมีคอนโดได้ด้วยกันทั้งสิ้น แต่ความยากง่ายจะแตกต่างกัน ในบทความนี้ แอดมินจะขออธิบายสำหรับประเภทที่ 1 ก่อนก็แล้วกัน เพื่อไม่ให้มันยืดยาวจนเกินไป แต่ก่อนจะไปถึงรายละเอียดขั้นตอน ทุกคนต้องรู้ก่อนว่า “การลงทุนในคอนโด” มีกี่แบบกัน ????

เราสามารถแบ่งการลงทุนในคอนโด ได้เป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ
1.)ลงทุนตอนที่ยังสร้างไม่เสร็จ
2.)ลงทุนตอนที่สร้างเสร็จแล้ว

คอนโดยังสร้างไม่เสร็จ
ถ้าเอาเป็นภาษาทางการก็คือ การลงทุนที่เขาเรียกว่า “Down Payment” โดยในขั้นตอนนี้ จะมี Step ดังนี้
ซื้อสิทธิ์ใบจอง  ผ่อนดาวน์  ขายดาวน์ หรือ ขายใบจอง
ในส่วนนี้จะเริ่มเข้าซื้อได้ตั้งแต่ โครงการเริ่มออก พิมพ์เขียวนั่นเอง โดยข้อมูลเหล่านี้เราต้องคอยติดตามจากโครงการ แต่โดยส่วนมากสำหรับคนทั่วไปก็จะซื้อได้ ในรอบที่เขาเรียกว่า Pre-Sale แต่ก็มีคนบางกลุ่มสามารถเข้าซื้อได้ก่อน Pre-Sale อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับกำลังภายในของแต่ละคน 
ข้อดี/ข้อเสียของการลงทุนในสเตจนี้ คือ 
ข้อดี : ราคาของคอนโดไม่แพง เนื่องจากว่า ยังไม่ได้สร้าง และมีโอกาสทำกำไรได้มากตอนที่จะขาย, ใช้เวลาสั้นในการลงทุน 6 เดือน – 3 ปี
ข้อเสีย : มีความเสี่ยงที่จะขายลำบาก หากทำเลไม่ดีจริง ต้องขายแข่งกับโครงการในบางครั้ง หากโครงการขายหมดช้า และ ต้องใช้เงินก้อนในการลงทุน 30,000 – 300,000 ต่อ ห้อง

คอนโดสร้างเสร็จแล้ว
ในสเตจนี้ เราจะเห็นแล้วว่า โครงการที่เราจะลงทุนนั้นรุปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร พื้นที่โดยรวมมีอะไรให้บ้าง ได้เห็นของจริงทุกๆส่วนของโครงการ และได้เห็นว่า นักลงทุนคนอื่นๆ เข้ามาซื้อที่นี่มากน้อยแค่ไหน ก็ดูได้จากสเตจตอนสร้างไม่เสร็จยังไงหล่ะครับ และโดยส่วนใหญ่นักลงทุนในสเตจนี้ ก็จะมีทั้ง ลงทุนไว้ปล่อยเช่า และ เอาไว้เก็งกำไร (Capital Gain) ในอนาคต 3-5 ปี ข้างหน้าโดยเฉลี่ย
ในสเตจนี้ส่วนใหญ่นักลงทุน จะทำการเป็นเจ้าของคอนโดได้ 2 แบบ คือ
1.)ซื้อเงินสด : โอ้ววววรวยแท้
2.)ซื้อโดยการกู้ธนาคาร : เป็นหนี้ !!!

ข้อดี/ข้อเสียของการลงทุนในสเตจนี้ คือ 
ข้อดี : มีความมั่นใจในเรื่องของการลงทุนเพราะได้เห็นของจริง, ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย
ข้อเสีย : ราคาที่ได้เป็นราคาที่สูง (แต่ไม่ได้สูงที่สุด), ต้องถือครอง เป็นเวลานาน 3-10 ปี

อย่างที่แอดมินได้บอกไปวันนี้ จะขออธิบายสำหรับวิธีการเป็นเจ้าของคอนโด สำหรับคนที่ทำอาชีพในประเภทที่ 1 นั่นก็คือ “พนักงานประจำ”
พนักงานประจำโดยส่วนมากก็จะมีเงินเดือนอยู่ที่ 15,000-50,000 บาทต่อเดือน โดยเฉลี่ย และก็มีเงินเก็บตั้งแต่ 0-300,000 บาท โดยเฉลี่ย (ความจริงอันโหดร้าย) ถ้าดูจากเงินเดือนแล้ว แน่นอนเลยครับสามารถลงทุนได้ทั้งสองแบบ คือ คอนโดที่สร้างเสร็จแล้ว และ คอนโดที่ยังสร้างไม่เสร็จ
แอดมินจะขอเริ่ม Step ในการลงทุนตั้งแต่ประเภทแรกเลย


พนักงานประจำ+คอนโดยังสร้างไม่เสร็จ
1.) คุณต้องมองหาคอนโดที่คิดว่า จะมีอนาคต ราคาขยับสูงขึ้น (ถ้าอยากรู้ว่าต้องประเมินยังไง ติดตามได้ที่เว็บของเรา)
2.) เมื่อเลือกโครงการได้แล้ว คุณก็เดินเข้าไปที่โครงการเลยครับ (Sale office) บอกเจ้าหน้าที่เลยครับ ผมต้องการซื้อ 1 ห้อง
3.) เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราเลือกขนาดห้องต่างๆ แบบต่างๆ นู่นนี่นั่น และอธิบายการจ่ายเงินเป็น Step โดยส่วนใหญ่เงืนที่เราต้องจ่ายในสเตจนี้จะอยู่ที่ 10% ของราคาคอนโด ณ เวลานั้น แต่ไม่ต้องตกใจ 10% นี้เราผ่อนจ่ายได้ หรือที่เราเรียกว่า ผ่อนดาวน์นั่นเอง
4.) ถ้าเราเลือกได้แล้ว ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะให้วางเงินจองไว้ก่อน ก็อยู่ที่ 5,000 – 10,000 บาทโดยเฉลี่ย
5.) หลังจากนั้น ไม่นาน เจ้าหน้าที่จะให้เรามาทำสัญญาที่โครงการพร้อมกับจ่ายเงินในการทำสัญญา ซึ่งราคาจะอยู่ที่ หลักหมื่น โดยส่วนมาก ในขั้นตอนนี้ พนักงานก็จะอธิบายเราว่า หลังจากนี้ เราต้องผ่อนดาวน์โครงการ ทั้งหมดกี่งวด และจ่ายงวดเท่าไร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า เราเลือกห้องแบบไหนนั่นเอง ถ้าเอาห้องธรรมดาก้ผ่อนน้อย ถ้าเอาห้องใหญ่ ก็ผ่อนเยอะ และคุณก็จะได้หนังสือสิทธิ์ใบจองมาเก็บไว้
6.) ในเดือนถัดๆไปเราก็เริ่ม จ่าย จ่าย จ่าย จ่าย แค่นี้เลยครับ โดยส่วนมาก การลงทุนในสเตจนี้ จะเริ่มขายได้ก้หลังจาก เดือนที่ 6 เป็นต้นไป
7.) การขายนั้นมีหลายแบบ ทั้ง offline และ online สำหรับแอดมินบอกเลยครับ Online only เฉลี่ยขายได้1-2 เดือนละจะขายได้ 1 ห้อง โดยผู้ซื้อก็มีหลายแบบ เช่นซื้อไว้อยู่เอง หรือ ซื้อไว้ขายต่อ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราขาย ณ ช่วงเวลาไหน ลูกค้าแต่ละช่วงก็จะแตกต่างกัน เช่น ขายหลังจาก 6 เดือน – 1 ปี ก็จะเป็นคนลงทุนเอาไปขายต่อ และ ซื้ออยู่เองบ้างเป็นส่วนน้อย แต่ถ้าขายหลังจาก 2-3 ปี ส่วนมากจะเป็นซื้อเพื่ออยู่เอง
8.) ในการขายลักษณะนี้เค้าจะเรียกกันว่า ขายใบจอง หรือ ขายดาวน์ โดยเราจะได้กำไรต่อห้อง 50,000-300,000 เลยทีเดียว (ขึ้นอยู่กับเวลา และ ราคาของคอนโดที่เพิ่มขึ้น)
พนักงานประจำ+คอนโดสร้างเสร็จแล้ว
ในการลงทุนแบบนี้ เราต้องใช้อาวุธที่สำคัญของพนักงานประจำ นั่นก็คือ Slip เงินเดือน ถามว่ามันดียังไงกันหล่ะ?? มันคือตัวการันตีเลยว่า เราจะมีเงินเข้ากระเป๋า เราทุกเดือน และเราก็จะมีเงินสำหรับจ่ายให้กับ ค่าคอนโดที่เราจะลงทุน การลงทุนแบบนี้ ส่วนมากเราจะใช้วิธีการกู้ เราไม่นิยมซื้อสด นั่นก็เพราะ โดยส่วนมาก พนักงานประจำไม่ได้มีเงินมากขนาดซื้อสดได้ (โดยส่วนมากนะครับ อิอิ ) ซึ่งในการกู้ธนาคาร เราต้องมีหลักประกัน หรือ ตัวการันตีว่าเราจะมีเงินจ่ายเขา นั่นก็คือ Slip เงินเดือนของเรานี่แหละครับ ขั้นตอนการเป็นหนี้ เอ้ย เป็นเจ้าของคอนโด โดยการกู้ก็มีขั้นตอนดังนี้
1.) เราก็เดินเลือกเลยครับว่าอยากได้โครงการไหน (ซื้ออยุ่เอง กับ ซื้อลง ทุนจะต่างกันนะครับ ต้องเลือกให้ดีตามวัตถุประสงค์)
2.) พอเลือกได้แล้ว ก็ เดินเข้าโครงการเลยครับ เลือกห้องที่ชอบ ทำเลที่ชอบ เลยครับ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราวางเงินจอง (บางโครงการไม่ต้องวางก็มี และ บางโครงการใช้เงินน้อย)
3.) เจ้าหน้าที่จะให้เราเตรียมเอกสาร เพื่อเตรียมยื่นกู้ธนาคาร โดยขั้นตอนแรก จะต้องเช็คเครดิตบุโรก่อน ขั้นตอนนี้เราไม่ต้องทำอะไรเลยครับ เราแค่เตรียมเอกสารให้พร้อม และให้ทางโครงการประสานงานกับธนาคารให้เรา เรามีหน้าที่ รอ อย่างเดียวเลยครับ
4.) หากเครดิตเราผ่าน ธนาคารก็จะแจ้งวงเงินสินเชื่อ ให้เราทราบว่าเรากู้ได้เท่าไร โดยส่วนใหญ่จะกู้ได้ 85-100%
5.) เจ้าหน้าที่ธนาคารก็จะนัดเรา ไปโอน ที่กรมที่ดิน หลังจากนั้นเราก็จะได้เป็นเจ้าของดดยสมบุรณ์ครับ


สิ่งสำคัญของการลงทุนลักษณะนี้ หากไม่ซื้อคอนโด ไว้อยู่เอง เราควรต้องทำการปล่อยเช่า ควบคู่ไปกับการผ่อน โดยส่วนมาก ค่าผ่อน จะสูงกว่า ค่าเช่าเล็กน้อย หรือบางที่ ค่าเช่าก็สูงกว่าค่าผ่อน อันนี้แล้วแต่โครงการเลยครับ 


การลงทุนแบบนี้เราจะปล่อยเช่า แล้วเก็บค่าเช่าไปเรื่อยๆก้ได้ครับ เพราะ คอนโดนี้เป็นของเรา แถมมีคนมาช่วยจ่ายด้วย (ผู้เช่าเรานั่นเอง) แต่ทางหากใครต้องการขายแอดมินแนะนำนะครับว่า ควรขายหลังจาก 3-5 ปี เพราะราคาจะปรับขึ้น (ขึ้นอยู่กับราคาประเมินโครงการนะครับ)


สำหรับบทความนี้แอดมินขอเม้ามอยแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ รายละเอียดในหัวข้ออื่นๆ แอดมินจะเขียนมาให้ติดตามกับต่อไปนะครับ หรือท่านใดต้องการรู้เรื่องไหนสามารถฝากหัวข้อไว้ได้ ทางแอดมินจะทำการ เขียนอธิบายให้ครับ
 

 

คอนโด news condo investment ลงทุน

COMMENTS

No comments right now. You can be the first comment on this topic!

LEAVE A REPLY




MASTERY RESOLUTION COPYRIGHT 2019