NEWS & ARTICLES

ในสภาวะเศรษฐกิจที่ตึงเครียด และการกลับมาระบาดของ โควิด

พนักงานประจำโดนลด OT  อาชีพอิสระหางานยากขึ้น พ่อค้าแม่ค้าโดนปิดตลาด

ล้วนส่งผลให้รายได้ที่เคยมี ลดน้อยลง

แม้จะมีนโยบายต่าง ๆ ช่วยก็ไม่ได้เป็นผลเท่าไหร่ หรือแม้แต่ธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้เอง ก็ไม่ได้ลดภาระหนี้ให้มากนัก

สิ่งที่จะช่วยได้ในเวลานี้คือ สติ ความรู้ และการบริหารเงิน

มาดูเทคนิคการลดรายจ่าย เพื่อให้เหลือเงินได้มากขึ้น แบบฟรี ๆ กันดีกว่า

แต่ก่อนจะดูเทคนิค เราต้องเข้าใจสถานะของตัวเองก่อน

ในการที่เราเป็นลูกหนี้นั้น คนเสียเปรียบคือเจ้าหนี้นะ ลองนึกเวลามีใครมายืมเงินเรา แล้วไม่ใช้คืน คนที่เดือดร้อนคือคน ให้ยืมมากกว่าถูกไหม ?

ดังนั้นสิ่งที่ถูกต้องที่เราต้องทำ ในฐานะลูกหนี้คือใช้หนี้ แต่ต้องต่อรองให้เป็น

โดยหนี้แต่ละประเภทเราต้องเข้าใจกลไก และต่อรองแตกต่างกัน มาดูกันเลยว่าต้องทำยังไงบ้าง

1. หนี้บัตรเครดิต 💳 ปัจจุบันผู้ให้บริการบัตรเครดิตแต่ละเจ้า มีความเสี่ยงสูงมากที่จะโดนคนเท เบี้ยวหนี้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีดอกเบี้ยแพง และเบี้ยปรับสูงมาก การต่อรองหนี้บัตรเครดิต แบ่งเป็น 2 ช่วงคือ 1. หมุนเงินไม่ทัน ชำระล่าช้าไม่กี่วัน เราสามารถโทรไปแจ้งก่อนได้ เพื่อขอเวฟดอกเบี้ยล่าช้า (จำนวนวัน) 2. กรณีติดปัญหาด้านการเงิน สามารถโทรไปขอระงับการใช้บัตรก่อน แล้วต่อรองวันที่จะสามารถผ่อนชำระได้ หรือ ขอปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อ freeze ดอกเบี้ย และชำระให้หมดก่อน ดีกว่าผ่อนขั้นต่ำ แล้วดอกเบี้ยทับถมไปเรื่อย ๆ

2. สินเชื่อส่วนบุคคล 👤 ถือเป็นอีกวงเงินกู้ที่ ดอกเบี้ยและค่าผ่อนแพงเอาการ บางคนกู้มา 300,000 บาท แต่ผ่อนค่างวดเท่ากับ สินเชื่อบ้าน 🏠 ราคา 3,000,000 บาท การต่อรองอาจทำได้ยาก แนะนำให้หาทางลดภาระด้วย เทคนิคบริหารหนี้ จะดีกว่า

3. สินเชื่อรถยนต์ 🚘 ปกติการผ่อนล่าช้าจะเสียดอกเบี้ยผิดชำระที่น้อยมาก เพราะแต่ละงวดถูกคิดดอกเบี้ยรวมออกมาอยู่แล้ว การเจรจา เพื่อขอลดค่างวด และเพิ่มจำนวนงวด จะช่วยให้ลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้มาก

4. สินเชื่อบ้าน 🏠 สินเชื่อก้อนใหญ่ ผ่อนยาวนาน แต่ไม่ต้องตกใจไป ส่วนใหญ่แล้วสถาบันการเงินจะมองว่าหนี้ก้อนนี้เป็นหนี้ดี หากใครที่ผ่อนบ้านมาเกิน 1 ปี แล้วประสบปัญหาผ่อนไม่ไหว อาจขอคุยกับธนาคารเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ เปลี่ยนแปลงงวดผ่อนชำระแค่ 1-2 ปีได้ แต่อาจติดเงื่อนไขอื่นกับธนาคารเช่น ห้าม รีไฟแนนซ์ ไปธนาคารอื่น ในช่วง 3-5 ปี เป็นต้น

สังเกตได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเงินกู้แบบไหน สิ่งที่ต้องทำเวลาเกิดปัญหาคือการเจรจาต่อรอง จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่คนที่เป็นลูกหนี้ มักจะหลบหนี ไม่รับสาย เปลี่ยนเบอร์ จนทำให้เจ้าหนี้ต้องดำเนินการฟ้องร้องสุดท้ายต่อให้เจรจาต่อรองในภายหลังก็โดนเบี้ยปรับที่สูงอยู่ดี

แต่ทางที่ดีควรแก้ไขก่อนที่จะต้องเจรจา ด้วย เทคนิคการบริหารหนี้ จะดีกว่า

สอบถาม…เทคนิคการบริหารหนี้ คลิ๊กเลย